พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑
มาตรา ๖ ผู้ใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) - เป็นธุระจัดหา
- ซื้อ ขาย จำหน่าย
- พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด
- หน่วงเหนี่ยวกักขัง
- จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ ซึ่งบุคคลใด
โดย
- ข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ
- ลักพาตัว
- ฉ้อฉล หลอกลวง
- ใช้อำนาจโดยมิชอบ
- ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมิชอบ
- ขู่เข็ญว่าจะใช้กระบวนการทางกฎหมายโดยมิชอบ หรือโดย
- ให้เงิน หรือผลประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลบุคคลนั้น ให้ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิด ในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ตนดูแล
หรือ
(๒) - เป็นธุระจัดหา
- ซื้อ ขาย จำหน่าย
- พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด
- หน่วงเหนี่ยวกักขัง
- จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้
ซึ่งเด็ก (บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี (มาตรา ๔))
ถ้าการกระทำนั้น ได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ผู้นั้นกระทำผิดฐานค้ามนุษย์
การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า การแสวงหาประโยชน์จาก
- การค้าประเวณี
- การผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามก
- การแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น
- การเอาคนลงเป็นทาส หรือให้มีฐานะคล้ายทาส
- การนำคนมาขอทาน
- การตัดอวัยวะเพื่อการค้า
- การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ หรือ
- การอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคล
ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ ตามวรรคสอง หมายความว่า การข่มขืนใจให้ทำงานหรือให้บริการ โดยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(๑) ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของบุคคลนั้นเอง หรือของผู้อื่น
(๒) โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ
(๓) โดยใช้กำลังประทุษร้าย
(๔) ยึดเอกสารสำคัญประจำตัวของบุคคลนั้นไว้ หรือนำภาระหนี้ของบุคคลนั้นหรือของผู้อื่นมาเป็นสิ่งผูดมัดโดยมิชอบ
(๕) ทำให้บุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
มาตรา ๗ ผู้ใด กระทำการดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
(๑) สนับสนุน การกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
(๒) อุปการะโดย ให้ทรัพย์สิน จัดหาที่ประชุม หรือที่พำนัก ให้แก่ผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
(๓) ช่วยเหลือด้วยประการใด เพื่อให้ผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ พ้นจากการจับกุม
(๔) เรียก รับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด จากผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ถูกลงโทษ
(๕) ชักชวน ชี้แนะ หรือติดต่อบุคคล ให้เข้าเป็นสมาชิกขององค์กรอาชญากรรม เพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
มาตรา ๘ ผู้ตระเตรียม เพื่อกระทำความผิดตามมาตรา ๖ ต้องระวางโทษหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา ๙ ผู้ใดสมคบ โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดตามมาตรา ๖ ต้องระวางโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ถ้าผู้ที่สมคบกันกระทำความผิดคนหนึ่งคนใด ได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน ผู้ร่วมสมคบด้วยกันทุกคน ต้องระวางโทษตามที่ได้บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นอีกกระทงหนึ่งด้วย
ในกรณีที่ความผิด ได้กระทำถึงขั้นลงมือกระทำความผิด แต่เนื่องจากการเข้าขัดขวางของผู้สมคบ ทำให้การกระทำนั้นกระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้สมคบที่กระทำการขัดขวางนั้น ต้องรับโทษตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง
ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง กลับใจให้ความจริงแห่งการสมคบ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะมีการกระทำความผิดตามที่ได้มีการสมคบกัน ศาลจะไม่ลงโทษ หรือลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๕๒ ผู้ใดกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๔ ปีถึง ๑๒ ปี หรือปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงหนึ่งล้านสองแสนบาท
ถ้ากระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำแก่บุคคลอายุเกิน ๑๕ ปี แต่ไม่ถึง ๑๘ ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๖ ปี ถึง ๑๕ ปี และปรับตั้งแต่หกแสนบาทถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาท
ถ้ากระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกิน ๑๕ ปี หรือผู้มีกายพิการ หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๘ ปี ถึง ๒๐ ปี และปรับตั้งแต่แปดแสนบาทถึงสองล้านบาท
มาตรา ๕๓ นิติบุคคลใดกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งล้านบาทถึงห้าล้านบาท
ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งของนิติบุคคล เกิดจากการสั่งการ หรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการ และละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๖ ปี ถึง ๑๒ ปี และปรับตั้งแต่หกแสนบาทถึงหนึ่งล้านสองแสนบาท แต่ถ้าเป็นการกระทำแก่บุคคลตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๕๒ วรรคสาม ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตราดังกล่าว แล้วแต่กรณี
มาตรา ๕๓/๑ ถ้าการกระทำผิดตามมาตรา ๕๒ หรือมาตรา ๕๓ วรรคสอง เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำ
(๑) รับอันตรายสาหัส หรือเป็นโรคร้ายแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๘ ปี ถึง ๒๐ ปี และปรับตั้งแต่แปดแสนบาทถึงสองล้านบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
(๒) ถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต
อ้างอิง - พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๖๐
(Update ; 04/05/2560)